+66 (0) 2-911-9988 info@magicsoftware.co.th

Risk Management: การป้องกันและเฝ้าระวังพฤติกรรมที่มีความเสี่ยงในการฉ้อฉลผ่านเครื่องมือเทคโนโลยีและกลยุทธ์องค์กรในธุรกิจประกันและประกันชีวิต

การจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเลยในธุรกิจประกันและประกันชีวิต เนื่องจากมีการเผชิญกับความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจและลูกค้าได้ ในบทความนี้เราจะพูดถึงแนวทางการวางแผนการจัดการความเสี่ยงในธุรกิจประกันและประกันชีวิต โดยเน้นการป้องกันและเฝ้าระวังพฤติกรรมที่เป็นไปได้ที่มีความเสี่ยงในการฉ้อฉล โดยใช้เครื่องมือเทคโนโลยีและกลยุทธ์องค์กรอย่างเหมาะสม

กลยุทธ์องค์กรเพื่อการป้องกันการฉ้อฉล

การที่องค์กรมีกลยุทธ์ที่เข้มแข็งและเป็นระบบในการป้องกันการฉ้อฉลเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้สามารถรับมือกับความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มความไว้วางใจของลูกค้าให้มั่นใจได้ด้วย

  1. สร้างนโยบายและขั้นตอนการดำเนินงานชัดเจน: การสร้างนโยบายและขั้นตอนการดำเนินงานที่ชัดเจนเพื่อให้พนักงานทุกคนเข้าใจบทบาทและความรับผิดชอบของพวกเขาในการป้องกันการฉ้อฉล

  2. การฝึกอบรมและการแบ่งปันข้อมูล: การฝึกอบรมเป็นประจำเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจและการรับรู้ในการป้องกันการฉ้อฉล การสร้างการแบ่งปันข้อมูลและความรู้ระหว่างแผนก หรือ ข้อมูลระหว่างบริษัท เพื่อช่วยในการตรวจจับและป้องกันการฉ้อฉล

กรณีศึกษา: การปลอมแปลงการเรียกร้องเงินสินไหมในประกันรถยนต์

  • เหตุการณ์: บริษัทประกันรถยนต์ XYZ ได้รับเรื่องร้องเรียนจากลูกค้าที่เคลมการชดเชยเนื่องจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับรถของเขา ลูกค้ากล่าวว่าเขาได้รับบาดเจ็บและขอรับการชดเชยตามกรมธรรม์

  • การสืบค้น: หลังจากการสอบสวนพบว่ามีความคล้ายคลึงในรายละเอียดของเหตุการณ์กับเคสอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นกับลูกค้าในพื้นที่เดียวกัน ซึ่งอาจเป็นเคสที่ถูกปลอมแปลงเพื่อขอรับเงินสินไหมโดยไม่มีเหตุผลที่เป็นธรรม

  • ผลกระทบ: บริษัทประกันรถยนต์ XYZ ต้องจ่ายเงินสินไหมให้กับเคสที่อาจเป็นการปลอมแปลง ทำให้เกิดความเสียหายทางการเงินและความเชื่อมั่นในระบบประกันภัย

  • การแก้ไข:

    • ตรวจสอบและพิจารณาเคสแต่ละเคสอย่างรอบคอบเพื่อตรวจจับความผิดปกติและการปลอมแปลง

    • จัดทีมสืบสวนเพื่อระบุและจับกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องกับการปลอมแปลงเหล่านี้

    • ปรับปรุงกระบวนการเรียกร้องเงินสินไหมเพื่อป้องกันการปลอมแปลงในอนาคต

  • การป้องกัน:

    • การใช้เทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อตรวจสอบและติดตามรูปแบบและแนวโน้มของการเรียกร้องเงินสินไหม
    • การเสริมสร้างระบบความปลอดภัยและการควบคุมที่เข้มงวดเพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูลและเอกสารที่ไม่เหมาะสม
    • การฝึกอบรมพนักงานให้เข้าใจและรับรู้ถึงการปลอมแปลงและความสำคัญของการตรวจสอบข้อมูลก่อนการชดเชย
  • การเรียนรู้: เหตุการณ์นี้เน้นความสำคัญของการตรวจสอบและตรวจสอบข้อมูลให้เรียบร้อยก่อนการชดเชย และการใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยในการตรวจสอบและตรวจจับการปลอมแปลงในข้อมูลของลูกค้า

กรณีศึกษา: การฉ้อโกงของตัวแทนและโบรกเกอร์ในการขายกรมธรรม์ประกัน

  • เหตุการณ์: บริษัทประกัน XYZ ได้รับรายงานจากลูกค้าว่ามีปัญหาในกรมธรรม์ประกันของเขาที่ไม่ตรงกับสิทธิประโยชน์ที่เขาคาดหวัง ตรวจสอบพบว่ามีการปลอมแปลงข้อมูลและเอกสารที่เกี่ยวข้องกับกรมธรรม์

  • การสืบค้น: หลังจากการสืบสวนพบว่ามีตัวแทนหรือโบรกเกอร์ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการขายกรมธรรม์ที่มีความผิดปกติ เครื่องมือเทคโนโลยีและการตรวจสอบได้ถูกใช้เพื่อตรวจจับการปลอมแปลงและความผิดปกติ

  • ผลกระทบ: ลูกค้ามีความสงสัยและข้อกล่าวหาเกี่ยวกับความซื่อสัตย์ของบริษัทประกัน ทำให้เสียความเชื่อถือและมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์และธุรกิจของบริษัท

  • การแก้ไข:

    • ยกเลิกกรมธรรม์ที่เกี่ยวข้องกับการปลอมแปลงและชดเชยลูกค้าตามเงื่อนไข
    • ยุติความสัมพันธ์กับตัวแทนหรือโบรกเกอร์ที่เกี่ยวข้องและดำเนินการทางกฎหมายต่อตัวพวกเขา
    • ปรับปรุงกระบวนการการขายและตรวจสอบกรมธรรม์เพื่อป้องกันการฉ้อโกงในอนาคต
  • การป้องกัน:

    • การตรวจสอบประวัติและความน่าเชื่อถือของตัวแทนและโบรกเกอร์ก่อนที่จะมอบหมายให้พวกเขาทำงานในชื่อของบริษัท
    • การใช้เครื่องมือเทคโนโลยีเพื่อตรวจสอบข้อมูลและเอกสารเพื่อตรวจจับการปลอมแปลงและความผิดปกติ
    • การสร้างนโยบายและขั้นตอนการทำงานที่ชัดเจนเพื่อป้องกันการปลอมแปลงและการทุจริตในกระบวนการขายกรมธรรม์
  • การเรียนรู้: เหตุการณ์นี้เน้นความสำคัญของการตรวจสอบ และตรวจสอบพันธมิตรที่เกี่ยวข้องกับการขายกรมธรรม์ เพื่อป้องกันความผิดปกติและการฉ้อโกงในธุรกิจประกัน

การเฝ้าระวังและป้องกันการฉ้อฉลด้วยเครื่องมือเทคโนโลยี

หลังจากที่บริษัทได้วางกลยุทธ์ในบริษัทแล้ว การใช้เครื่องมือเทคโนโลยีในการป้องกันการฉ้อฉลเป็นหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพในปัจจุบัน โดยเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพจะมีคุณสมบัติการทำงานที่ สามารถช่วยในกระบวนการการทำงานของลูกค้าได้ เช่น

  1. Historical Data Analytics: การใช้ Data Analytics เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลการทำกิจกรรม หรือ ดำเนินการธุรกรรมของผู้ใช้งานเพื่อค้นหาแนวโน้มของการฉ้อฉลและตรวจจับความผิดปกติได้ในทุกๆรายการ (Customer Behavior Profile Analysis)

  2. Detection & Prevention Capabilities: มีการใช้เครื่องวิเคราะห์แบบ Hybrid ที่ใช้วิธีการตรวจจับหลายชั้น (multilayered detection methods) เพื่อค้นหาการฉ้อโกงในระดับรายการเรื่องประกันหรือธุรกิจใหม่, ระดับของมูลค่าแต่ละบุคคล (ลูกค้า, ที่อยู่, เป็นต้น) และ/หรือระดับของเครือข่าย

  3. Case Management: มีเครื่องมือในการจัดกลุ่มข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสอบสวนในแต่ละเรื่อง (Case Investigation) โดยคุณสามารถเชื่อมโยงรายการต่างๆ กับการสอบสวนหรือการแจ้งเตือนไปผู้เกี่ยวข้อง รวมไปถึงการให้คะแนน (Scoring) ได้

  4. Machine Learning & Analytics: การใช้อัลกอริทึมเรียนรู้และการวิเคราะห์ มาพยากรณ์ในด้านการทำ False-Positive & Rule Tuning ช่วยให้บริษัทประกันสามารถตรวจจับและพยากรณ์พฤติกรรมที่เป็นไปได้ของการฉ้อฉลได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

สรุป

การจัดการความเสี่ยงและการป้องกันการฉ้อฉลในธุรกิจประกันและประกันชีวิตเป็นสิ่งสำคัญเพื่อรักษาความเชื่อถือของลูกค้าและความเชื่อมั่นในองค์กร โดยการใช้เครื่องมือเทคโนโลยีและกลยุทธ์องค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ ธุรกิจสามารถลดความเสี่ยงและเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันการฉ้อฉลได้ และการร่วมมือกันของบุคลากรอย่างต่อเนื่องในอุตสาหกรรมเดียวกันยังคงเป็นแนวดำเนินการสำหรับการเปลี่ยนแปลงต่างๆที่เกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบันได้ดีที่สุด

จากข้อมูลที่กล่าวมา หากคุณกำลังมีปัญหาหรือสนใจเรื่องการป้องกันฉ้อฉลในธุรกิจของคุณ สามารถปรึกษาแนวทางการทำ Fraud Solution กับทีมงานที่มีประสบการณ์จาก Magic Software Thailand หรือมาทดลองใช้ระบบ FAAST (Fraud Analytic & Automated Solution Technology) เพื่อช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันความเสียหายจากการฉ้อโกงได้

เขียนโดย : Kritsakorn

วันที่เผยแพร่ : 10 เม.ย. 2567